ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 บริการทุกระดับประทับใจ
มีคนกล่าวว่า “การเลือกซื้อแอร์ก็เหมือนกับการเลือกคบเพื่อนดีๆสักคน” เนื่องจากแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างมีราคา ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหามาใช้ นอกจากดีไซน์ที่ชอบ สไตล์ที่ใช่แล้ว ยังรวมไปถึงสเปคการทำงานของแอร์ด้วยว่าตอบสนองต่อการใช้งานของเรามากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเป็นได้เราก็คงอยากจะได้แอร์แบบที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ คุ้มค่า และ ประหยัดพลังงานด้วยยิ่งดี ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 บริการทุกระดับประทับใจ ขอนำเสนอวิธีเลือกซื้อแอร์มาฝากกันค่ะ ว่ามีข้อควรพิจารณาอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
บ้านอะไหล่ สนใจติดต่อสอบถาม ไลน์แอด
ที่มา https://ok-dee.com/
1) เลือกแอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดี? ท่านเคยมีคำถามนี้ใช่ไหมคะ?..ขึ้นชื่อว่าแอร์ จริงๆแล้วไม่มีแอร์ยี่ห้อไหนที่ไม่เย็น มีแต่ไม่เย็นเพราะใช้ผิดประเภทการทำงาน โดยปกติการใช้งานของแอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทค่ะ คือ
- แอร์สำหรับบ้านพักอาศัย
แอร์ประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นแอร์แบบติดผนัง ขนาดพอดีกับแต่ละห้องของบ้าน เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก สามารถดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย หรือบางบ้านก็สะดวกเป็นแอร์แบบตั้งพื้น ในลักษณะของแอร์เคลื่อนที่ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดต่างๆของบ้านได้และกระจายความเย็นได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
- แอร์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์
ปกติเป็นแอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีหลากหลายรูปแบบทั้งที่ฝังเข้ากับผนังห้อง หรือติดตั้งบนฝ้าเพดาน สามารถปล่อยความเย็นอกมาได้ 4 ทิศทาง เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
จะเป็นยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ความชื่นชอบและการตัดสินใจของท่าน แต่สิ่งสำคัญที่ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 ต้องการจะเน้นย้ำคือเลือกแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและไม่กินค่าไฟมากเกินความจำเป็น
2) เลือกขนาด BTUของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่
ค่า BTU(British Thermal Unit) คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหน่วยหนึ่ง เป็นที่นิยมในระบบของเครื่องปรับอากาศ กล่าวว่า 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮต์หรือประมาณ 0.56 องศาเซลเซียส หรือถ้าพูดง่ายๆคือเป็นหน่วยที่ใช้บอกความสามารถในการถ่ายเทหรือดึงความร้อนออกจากห้องและทำความเย็นภายในห้อง โดยคิดเป็นหน่วยต่อชั่วโมง(BTU/h.)
ทำไมต้องเลือกขนาด BTUของแอร์ให้เหมาะกับขนาดของห้อง? เรื่องนี้จำเป็นมากเลยค่ะ เพราะถ้าเลือก BTU สูงไป การทำงานของระบบคอมเพรสเซอร์ก็จะตัดบ่อยเกินไป ลดทอนประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์ให้ลดลงได้ ทำให้ความชื้นในห้องสูงขึ้น ที่สำคัญยิ่งกว่าคือทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นด้วย ในทางกลับกัน ถ้าเลือก BTU ที่ต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์ก็จะต้องทำงานตลอดเวลา เพราะอุณหภูมิในห้องไม่ได้เป็นไปตามอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ ก็จะสิ้นเปลืองพลังงานไปอีกแบบ เป็นการลดทอนอายุการใช้งานของเครื่องลง ทำให้เครื่องเสียง่าย ดังนั้นถ้าจะให้ดี ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 ขอแนะนำว่าเลือกขนาด BTU แอร์ให้พอดีกับขนาดของห้องที่จะใช้งานก็จะดีกว่าค่ะ
วิธีการคำนวณ BTU แอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน
วิธีการคำนวณขนาด BTU แอร์ทำได้ไม่ยากค่ะ สามารถคำนวณได้จากสูตร
BTU = ความกว้าง(เมตร) x ความยาว(เมตร) x ระดับความแตกต่าง
**ระดับความแตกต่าง คือระดับความร้อนในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่การทำงาน โดยมีค่าดังต่อไปนี้
700 – สำหรับห้องนอนปกติ
800 – สำหรับห้องนอนโดนแดด
800 – สำหรับห้องทำงาน ปกติ
900 – สำหรับห้องทำงาน โดนแดด
950 – 1,100 – สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน
1,000 – 1,200 – สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน
1,100 – 1,500 – สำหรับห้องประชุม ห้องสัมมนา ร้านอาหารสุกี้/ชาบู/ปิ้งย่างที่มีหม้อต้มหรือเตาความร้อนสูงหรือห้องที่มีจำนวนคนต่อพื้นที่เยอะกว่าปกติหลายเท่า
ตัวอย่างการคำนวณเช่น ห้องนอนที่ไม่ค่อยโดนแดด กว้าง 6 เมตร ยาว 5 เมตร ก็จะเป็นดังนี้
BTU = 6 เมตร x 5 เมตร x ตัวแปร(ในที่นี้ค่าตัวแปรคือ 700) = 21,000 BTU(ใช้จริง 21,000 – 24,000 BTU)

3) เลือกแอร์ที่ประหยัดไฟ
ทุกวันนี้เรื่องของการประหยัดไฟน่าจะมาเป็นเหตุผลอันดับต้นๆของการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมถึงแอร์ด้วย ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกล ทำให้แอร์ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นระบบอินเวอร์เตอร์(Inverter)ที่ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น เพราะเป็นการทำงานที่ให้ความเย็นในอุณหภูมิที่คงที่ ทำงานเงียบมากเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานแบบลดรอบ ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดาทั่วไป แต่ก็คุ้มค่าเพราะใช้งานได้ยาวนานและประหยัดไฟได้มากกว่า ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 ขอแนะนำอีกว่าอย่าลืมเลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วยนะคะ และถ้าเป็นเบอร์ 5 ติดดาวด้วยก็จะดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ 5 ระดับ 1 ดาว,เบอร์5 ระดับ 2 ดาว หรือเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ยิ่งจำนวนดาวเยอะ ก็ยิ่งช่วยประหยัดไฟมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
4) พิจารณาค่า EER (Energy Efficiency Ratio) และค่า SEER(Seasonal Energy Efficiency Ratio)
ค่า EER เป็นค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศในการใช้พลังงาน โดยวัดจากค่าทำความเย็น(BTU/h) ต่อกำลังไฟที่ใช้(วัตต์) แอร์เครื่องไหนมีค่า EERยิ่งสูงแสดงว่ายิ่งกินไฟน้อยเท่านั้น ส่วนค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) คือค่าประสิทธิภาพในการใช้พลังงานตามฤดูกาลของแอร์เครื่องนั้น โดยจะนำค่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมาคิดด้วย ทำให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงกับการใช้พลังงานจริงมากกว่าแบบ EER ซึ่งค่า SEER จะพบในเครื่องปรับอากาศชนิดที่เป็นอินเวอร์เตอร์ ยิ่งค่านี้มีมากเท่าไรก็แสดงว่ายิ่งกินไฟน้อยเท่านั้น
5) เลือกแอร์ที่ใช้งานได้ทนทาน
เรื่องอายุการใช้งานของแอร์ก็สำคัญมากในการเลือกซื้อแอร์มาใช้สักตัว ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์ การใช้แอร์ที่มีคอมเพสเซอร์แบบสวิงจะช่วยลดความเสียดทานและลดการสั่นสะเทือนของมอเตอร์ พบในรุ่นที่มีอินเวอร์เตอร์ นอกจากนั้นยังปราศจากเสียงรบกวน ช่วยป้องกันความเสียหายจากไฟตกหรือไฟกระชากได้ด้วยค่ะ
6) เลือกที่มีบริการหลังการขาย
การได้แอร์ที่ดีต้องมาพร้อมกับบริการหลังการขายที่ดีด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามั่นใจว่าเมื่อเกิดปัญหา จะมีทีมช่างที่ชำนาญพร้อมให้บริการ ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 เรามีทีมช่างที่มากด้วยประสบการณ์ พร้อมสแตนบายดูแลกันอย่างใกล้ชิด ด้วยคุณภาพการให้บริการที่ดีเยี่ยม ยินดีให้คำปรึกษา บริการทุกระดับประทับใจกันเลยทีเดียวหรือจะสอบถามรายละเอียดกันก่อนก็ได้ค่ะ

ทั้งหมดนี้คือ ร้านแอร์เพิ่มสิน 36 บริการทุกระดับประทับใจ ข้อควรคิดพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าซื้อทั้งที ให้ซื้อที่ใช้งานได้ดีและมีคุณภาพกันไปเลย ที่สำคัญก่อนซื้ออย่าลืมศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจให้ได้แอร์ที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่พร้อมบริการหลังการขายที่ดีชนะเลิศด้วยนะคะ
หากสนใจก็สามารถโทรไปสอบถามได้เลย อะไหล่ คลิกที่นี่



